London Has Fallen – ผ่ายุทธการถล่มลอนดอน

เรื่องย่อหนัง
หนัง London Has Fallen หรือชื่อไทยว่า ผ่ายุทธการถล่มลอนดอน London Has Fallen เป็นภาคต่อของภาพยนตร์เรื่อง Olympus Has Fallen ซึ่งเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในเมืองลอนดอน เมื่อนายกรัฐมนตรีอังกฤษเสียชีวิตอย่างมีปริศนา ผู้นำแห่งโลกตะวันตกต่างพากันเดินทางมาร่วมพิธีศพของเขา แต่หารู้ไม่ว่างานที่มีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดขนาดนี้กลับกลายเป็นเป้าหมายของผู้ก่อการร้ายที่ต้องการจะสังหารเหล่าผู้นำที่มีอิทธิพลระดับโลกและทำลายสถานที่สำคัญต่างๆให้พังพินาศ มีเพียง 3 คนเท่านั้นที่จะสามารถหยุดยั้งแผนการครั้งนี้ได้ก็คือประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (Aaron Eckhart) หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับ (Gerard Butler) และสายลับ MI-6 จากอังกฤษที่ไม่เคยเชื่อใจใครง่ายๆ (Charlotte Riley) ด้าน Morgan Freeman ก็จะมารับบทเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาด้วย
ตัวอย่างหนังออนไลน์

รีวิวหนัง
London Has Fallen ความพินาศสเกลใหญ่ แต่ความถึงใจไม่เท่าภาคแรก

Olympus Has Fallen ถือเป็นเรื่องที่มีแนวทางชัดเจนในการดำเนินเรื่องมาก ไม่ว่าจะเป็นความเข้มข้น ของบท การดำเนินเรื่องที่ชวนลุ้นอย่างถึงที่สุด ทำให้ตัวหนังเองได้รับคำชมจากผู้ชมค่อนข้างมากและรวมไปถึงรายได้ ซึ่งทำให้ตัวหนังเดินหน้าที่จะทำภาค 2 ต่อมานั่นเอง

ในส่วนของ London Has Fallen นั้นเรียกได้ว่าตัวหนังพยายามที่จะดำเนินรอยตามภาคแรกในแทบทุกด้าน และพยายามที่จะขยายสเกลหนังให้ใหญ่ขึ้น แต่ผลสุดท้ายนั้น มันไปไม่ถึงฝั่งฝันเลยซักทาง จะมีอย่างเดียวที่ทำได้คงเส้นคงวาตามภาคแรกนั่นก็คือ CG ที่ไม่เนียนเช่นเคย

ด้านการดำเนินเรื่องนั้นช่วงแรกชวนหลับมาก เพราะตัวหนังเสียเวลาไปให้กับการปูเนื้อเรื่องให้กับตัวละครตัวร้ายตัวใหม่ และชะนวนเหตุวินาศกรรมของภาคนี้ ซึ่งเอาเข้าจริงมันก็พอมีเหตุผลที่ฟังขึ้นบ้าง แต่ส่วนที่ไม่สมเหตุผลก็มีไม่น้อยเลย

ตัวเรื่องว่าด้วยการตายของรัฐมนตรีของอังกฤษ จนเป็นเหตุที่ทำให้ ผู้นำประเทศใหญ่ๆต้องมารวมตัวกันในพิธีศพ ซึ่งก่อนที่ผู้นำแต่ละประเทศจะมาร่วมงานศพก็ได้ ทำตามอำเภอใจตัวเองอย่างมากโดยไม่สนว่าพวกที่รักษาความปลอดภัยนั้นจะทำงานกันลำบากหรือเปล่า และผลสุดท้ายการกระทำโง่ๆของผู้นำแต่ละประเทศ ส่งผลให้ตัวเองเสียชีวิตจากการก่อการร้ายในที่สุด

ภาพยนตร์เรื่องนี้เอาเข้าจริง พยายามที่จะอวยอเมริกาอย่างมาก ซึ่งมันออกแนวยัดเยียดเกินไปนะ เยอะไปจนแบบบางทีก็หมั่นไส้เหมือนกัน แต่ก็เอาเถอะ โดยรวมตัวหนังยังคงให้ความบันเทิงแก่ผู้ชมดีมากระดับนึง แต่คงไม่พีคเท่าภาคแรกแค่นั้นเอง

ส่วนตัวภาพยนตร์เรื่องนี้มีความพยายามที่จะเข็นและพยายามสร้างความแตกต่างให้พอสมควรแต่ก็ไปไม่ถึงฝั่งฝันนั่นเอง 7/10